เล่นขายของแบบ เลสเตอร์ ซิตี้ ขายใครซื้อใคร ทำไมฟอร์มดีมาก

เลสเตอร์ ซิตี้

ถ้าหากธุรกิจฟุตบอลวัดผลกันด้วยกำไรตัวเลข การซื้อขายนักเตะให้ได้กำไรคือการทำสโมสรให้ประสบความสำเร็จอย่างหนึ่ง ซึ่งในพรีเมียร์ลีกนั้น ทีมที่ก้าวหน้าที่สุดในการเล่นเกมซื้อขายคงต้องยกให้ เลสเตอร์ ซิตี้

เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมของเจ้าของสโมสรชาวไทย “ครอบครัวศรีวัฒนประภา” เจ้าของธุรกิจค้าปลีกปลอดภาษีชื่อดัง คิง พาวเวอร์ ซึ่งซื้อสโมสรแห่งนี้มาเมื่อปี 2010 โดยหลังจากเรียนรู้การทำธุรกิจฟุตบอลและค่อยๆ ปรับเปลี่ยนรูปแบบ แนวคิดในการสร้างสโมสร ในที่สุดเลสเตอร์ก็เปลี่ยนจากทีมที่ใช้เงินเพื่อซื้อผู้เล่นมาเป็นทีมนักปั้น ควบคู่กับการวางรากฐานของสโมสร ทั้งในส่วนของการสร้างสนามแข่งขัน ศูนย์ฝึก อะคาเดมี่ และการสร้างทีมให้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน

ปาฏิหาริย์ที่ เลสเตอร์ ได้แชมป์ในปี 2015/2016 อาจจะไม่เกิดขึ้นซ้ำ แต่ความมั่นคงในแนวทางของสโมสรไม่มีวันคลอน พวกเขาเรียนรู้การทำกำไรอย่างแท้จริงจากระบบซื้อขายนักเตะ

มันน่าสนใจว่า เลสเตอร์ ซิตี้ ขายใครไป และซื้อใครมา มันทำกำไรได้อย่างไรกัน

ขาย เบน ชิลเวลล์ ซื้อ ทิโมธี่ กาสแตน

 เลสเตอร์ ซิตี้

เลสเตอร์ปั้นเบน ชิลเวลล์จนก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษ​ก่อนที่จะขายให้เชลซีไปในซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วยราคา 50 ล้านปอนด์ จากนั้นไปคว้าแข้งวัย 24 ชาวเบลเจี้ยนมาในราคา 18 ล้านปอนด์ พร้อมออฟชั่นจ่ายเพิ่มเป็น 21.5 ล้านปอนด์ในอนาคต ทำให้ได้กำไรจากส่งนต่าง 32 ล้านปอนด์ ส่วนผลงานของกาสแตนก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ เพราะลงสนามไป 7 เกมทำไป 1 ประตูกับ 4 แอสซิสต์

ขาย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ซื้อ วิลฟรีด เอ็นดีดี้

คล้อยหลังจากฤดูกาลที่เลสเตอร์ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก นักเตะหนึ่งคนที่เป็นกำลังสำคัญได้รับข้อเสนอย้ายออกจากทีมไปด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายหลายเท่า เชลซียอมควักเงิน 32 ล้านปอนด์เพื่อซื้อเอ็นโกโล่ ก็องเต้ออกจากอ้อมอก เลสเตอร์ ในปี 2017 ขณะที่จิ้งจอกสยามนำเงินนี้ไปซื้อวิลฟรีด เอ็นดีดี้ในราคา 17 ล้านปอนด์ และนักเตะทำผลงานได้ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน โดยเอ็นดีดี้สามารถเก็บกวาดแดนกลางได้อย่างหมดจรด และพาทีมได้ลุ้นเล่นถ้วยยุโรปทุกปี เคสนี้เลสเตอร์ได้กำไร 15 ล้านปอนด์

ขาย แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ซื้อ เอเดรียน ซิลวา

เลสเตอร์ ซิตี้

ใช่ว่าเลสเตอร์จะขายแพงซื้อถูกแล้วโชคดีตลอด ผู้เล่นที่ก้าวออกจากสโมสรในปี 2017 เช่นเดียวกันกับก็องเต้ คือแดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ โดยแข้งรายนี้ย้ายไปอยู่กับเชลซีเช่นกัน ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ และเลสเตอร์เลือกที่จะคว้าตัวเอเดรียน ซิลวา นักเตะโปรตุเกสที่มีราคาค่าตัว 22 ล้านปอนด์เข้ามา ปรากฎว่าแข้งรายนี้หมดสิทธิ์ลงเล่นเพราะเอกสารถึงฟีฟ่าล่าช้า กว่าจะได้เล่นก็ตอนตลาดฤดูหนาวเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ ที่สำคัญซิลวาไม่เข้ากับระบบ ทำให้ เลสเตอร์ เสียทั้งเวลาและเงินที่ลงทุนไป

ขาย ริยาร์ด มาห์เรซ ซื้อ เจมส์ แมดดิสัน

กองหน้าอัลจีเรียเป็นที่หมายตาของแมนฯ ซิตี้ ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก ทำให้ใจลอยไปจากสโมสรเลสเตอร์นานแล้ว เมื่อเป็นแบบนั้นเลสเตอร์เลยตัดใจขายแพงๆ ที่ 60 ล้านปอนด์ แล้วไปคว้าตัวเจมสื แมดดิสันเข้ามาแทนด้วยเงิน 20 ล้านปอนด์ ผลงานของแมดิสันก็เหลือเกินจนมูลค่าในการย้ายทีมครั้งต่อไปมากกว่า 50 ล้านปอนด์แน่นอนแล้ว

ขาย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซื้อ คักลา โซยุนคู

เลสเตอร์ ซิตี้

อีกหนึ่งเคสซื้อขายที่ เลสเตอร์ ทำให้เห็นว่าธุรกิจฟุตบอลต้องทำแบบนี้ นั่นคือการขายแฮร์รี่ แม็กไกวร์ กองหลังคนเก่งให้กับแมนฯ​ ยูไนเต็ดด้วยสถิติกองหลังที่แพงที่สุดในโลก 80 ล้าน ก่อนที่จะไปซื้อคักลามาด้วยราคาเพียง 13 ล้านปอนด์ ซึ่งเลสเตอร์ไม่เพียงได้กำไรถึง 67 ล้านปอนด์ หากแต่เป็นการซื้อถูกต้อง เมื่อนักเตะมีผลงานที่โดดเด่นไม่แพ้แฮร์รี่ แม็กไกวร์ที่ย้ายออกไป

ยิ่งย้อนมองผลงานซื้อขายนักเตะแล้ว เลสเตอร์ทำสิ่งนี้ได้ดีมาก เพราะหากว่าพวกเขาใช้จ่ายอย่างล้มเหลว เลือกขายผู้เล่นออกไปในราคาแพงแต่ซื้อมาแล้วผลงานตกต่ำลง มันย่อมจะเป็นการใช้เงินที่ผิด แต่นี่เลสเตอร์ยังคงอยู่ในพื้นที่ลุ้นแชมป์ ลุ้นโควตาบอลยุโรปทุกปี ต้องเรียกว่า เลสเตอร์ ทีมนี้มีหัวการค้าใช้ได้จริงๆ.

ติดตามข่าวสารวงการบอลได้เลยที่นี่

You may have missed